เทคโนโลยี AI อาจเคยเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าไกลตัว แต่ในไม่กี่ปีมานี้มันได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ตัวอย่างเช่น Midjourney ที่สามารถสร้างงานกราฟิกจากข้อความที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปได้ และ ChatGPT จากบริษัท OpenAI ที่ความฉลาดของมันทำให้หลายคนกังวลว่าจะถูกแย่งงาน
เราได้เห็นการนำ ChatGPT มาใช้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การร่างเอกสาร การเขียนโค้ด ฯลฯ ความสำเร็จของ AI ทำให้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ต้องขยับตัวครั้งใหญ่และเปิดตัว AI ของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ Google ที่ได้ประกาศเน้นการพัฒนา AI มาตั้งแต่ Google I/O 2017 ล่าสุดก็ได้เปิดตัว AI Chatbot ที่ชื่อว่า “บาร์ด (Bard)” ออกมาให้ผู้ใช้ลองใช้งาน
จริง ๆ แล้ว Google Search ที่เราใช้กันอยู่ รวมถึง Google Lens และ Google Assistant ก็ทำงานโดยอาศัยเทคโนโลยี AI อยู่แล้ว จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า Google Bard มีความพิเศษอย่างไร? จุดเด่นสำคัญของ Bard คือความสามารถในการสนทนากับผู้ใช้และตอบคำถามได้อย่างชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม Bard ยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Bard ให้มากขึ้น
Google Bard คืออะไร ? (What is Google Bard ?)
Bard เป็นโมเดลภาษาแบบ Transformer-Based ที่ได้รับการฝึกฝนจากคลังข้อมูลข้อความขนาดใหญ่ ทำให้สามารถสร้างข้อความเพื่อตอบสนองต่อข้อความ “Prompt” ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปได้
หากจะนิยาม Bard อย่างเรียบง่าย มันก็คือ Generative AI ประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับ ChatGPT หรือ DALL-E โดย Generative AI หมายถึง AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ, เสียง, หรือรูปภาพ แต่ในฐานะ AI Chatbot Bard จึงเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาในรูปแบบ “ข้อความ” เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ในรูปแบบการสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ
ในเชิงเทคนิค Bard คือ โมเดล Language Model for Dialogue Applications (LaMDA) ซึ่งเป็น Neural Network ประเภท Large Language Model (LLM) ในการทำงาน โดยมีการป้อนข้อมูลข้อความปริมาณมหาศาลเพื่อฝึกฝนให้มันเข้าใจภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้น Bard จะสร้างบทสนทนาเลียนแบบมนุษย์ด้วยการผสานการทำงานของเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) และ Machine Learning (ML)
LaMDA และ Bard Transformer-Based จะสแกนข้อมูลคำมากกว่า 1 ล้านล้านคำ เพื่อเรียนรู้รูปแบบประโยค, ความหมาย, และบริบทต่าง ๆ ของภาษามนุษย์ ซึ่งโครงสร้างการทำงานนี้ Google ได้พัฒนาและเปิดให้เป็นโอเพ่นซอร์สมาตั้งแต่ปี 2017 โดยโมเดลภาษาของ ChatGPT อย่าง GPT-3 ก็ใช้สถาปัตยกรรมดังกล่าวของ Google เป็นรากฐานในการพัฒนาเช่นกัน
แม้จะผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานเพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น รวมถึงการทำให้สามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ แต่จนถึงตอนนี้ Bard ยังคงอยู่ในช่วงทดลอง เนื่องจากคำตอบที่ได้รับบางครั้งยังขาดความแม่นยำ หรือไม่เหมาะสม มีความสุดโต่ง และอาจเป็นอันตราย
สถานการณ์ของ Bard ในปัจจุบัน จึงเหมือนเป็น AI ที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดไปของ Google Search มากกว่า เช่น ช่วยเขียนอีเมล หรือบทความ โดยดึงข้อมูลจากเว็บไซต์มาใช้ในการสร้างเนื้อหาใหม่ด้วย
ปัจจุบัน Google กำลังเร่งพัฒนา Bard ให้ดียิ่งขึ้น โดยได้มีการย้ายทีมนักพัฒนาที่ทำ Google Assistant เข้ามาช่วยพัฒนาในโครงการ Bard ด้วย
เราจะสามารถใช้งาน Google Bard ได้อย่างไร?
ขณะนี้ Google Bard เปิดให้ใช้งานได้ในประเทศไทยแล้ว และสามารถใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากแนวทางการให้บริการของ Google ตลอดเวลาที่ผ่านมา คาดว่าก็น่าจะฟรีตลอดไป
สำหรับผู้ที่อยากทดลองใช้งาน สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
- เปิดเว็บเบราว์เซอร์และไปที่ URL: https://bard.google.com
- เข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Google ของคุณ
- คลิกที่ปุ่ม “ลองใช้ Bard”
- อ่านข้อตกลงในการใช้งานให้เรียบร้อย หากเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขได้ ให้คลิกปุ่ม “ฉันยอมรับ”
- จะมีแจ้งเตือนว่าข้อมูลที่เราใช้งานนั้น อาจมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ จึงไม่แนะนำให้พิมพ์ข้อมูลส่วนตัวที่มีความละเอียดอ่อนลงไปในการใช้งาน Google Bard ให้คลิกปุ่ม “รับทราบ” เพื่อปิดแจ้งเตือนไป
- ทดลองพิมพ์ข้อความใดๆ เพื่อเริ่มใช้งานได้ทันที
มีข้อสังเกตว่า หากถามเป็นภาษาไทย เวลาที่มันตอบ รูปจะไม่แสดงผลขึ้นมา แต่เมื่อถามเป็นภาษาอังกฤษ จะสามารถแสดงรูปได้ตามปกติ
และนี่ก็คือ Google Bard เท่าที่ลองใช้งาน มันตอบได้เร็วและตอบทีเดียวเป็นย่อหน้า ไม่ได้ค่อยๆ พิมพ์เหมือนกับ ChatGPT ทำงานได้ไวกว่าพอสมควร ลองเข้าไปใช้งานกันดูนะครับ!
Google Bard รองรับภาษาอะไรบ้าง ?
ในขณะที่บทความนี้เผยแพร่ Google Bard สามารถใช้งานได้ 46 ภาษา ดังต่อไปนี้
|
|
|